ด้วยความสิ้นหวัง…“โรฮิงญา” ฮึดสู้! จับอาวุธ ต่อต้าน “รัฐบาลเมียนมา” 

การกดขี่ชาวมุสลิมโรฮิงญาในเมียนมา ที่ดำเนินมากว่า 70 ปี ในที่สุด ได้ก่อให้เกิดกลุ่มติดอาวุธที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ทวงสิทธิชาวโรฮิงญา ล่าสุด แกนนำกบฎกลุ่มนี้ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนแล้ว 
 
พวกเขาเดินด้วยเท้าเปล่า ด้วยอาวุธเป็นมีดยาวและปืนไรเฟิลที่ขโมยมาไม่กี่กระบอก กบฎกลุ่มใหม่ในเมียนมาเป็นกลุ่มที่อ้างว่า เป็นผู้ซุ่มโจมตีและสังหารทหารเมียนมา เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ในพื้นที่แร้นแค้นสุดของประเทศ และพื้นที่ที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 
กบฎกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า “ฮัลดาคาร์ อัลยาคีม” แปลว่า กลุ่มขับเคลื่อนแห่งศรัทธา ซีเอ็นเอ็นได้สัมภาษณ์พิเศษแกนนำกบฎกลุ่มนี้ นายอะตาห์ อุลเลาะห์ โดยอ้างว่า ต่อสู้ในฐานะชาวมุสลิมโรฮิงญาที่เผชิญการกดขี่จากประชาชนและรัฐบาลชาวพุทธของเมียนมา 
อะตาห์ อุลเลาะห์ กล่าวว่า “พวกเราพยายามขอความเห็นใจจากประชาคมโลก เพื่อทวงสิทธิของเราคืนมา แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ดังนั้นเราต้องจัดการกับรัฐบาลด้วยมือเราเอง จะเดินหน้าโจมตีคนที่กดขี่เราต่อไป จนกว่าจะมอบสิทธิพลเมืองคืนมา” 
เป็นความจริงที่ หลายสิบปีมาแล้วที่รัฐบาลเมียนมาปฏิเสธ ถึงขั้นไม่ยอมรับคำว่า”โรฮิงญา” ริดรอนสิทธิพลเรือนของพวกเขา ด้วยคำอ้างว่าชาวโรฮิงญาเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศ 
ทางการกักขังชาวโรฮิงญาหลายแสนคนไว้ในค่ายกักกัน นับแต่เหตุนองเลือดเมื่อปี 2555 
ด้วยความสิ้นหวัง ชาวโรฮิงญาหลายพันคน พยายามลี้ภัยไปชาติอื่น แม้ต้องเสี่ยงตายด้วยเรือที่แออัด จนเมื่อปลายปีที่แล้ว นายอะตาห์ อุลเลาะห์ ปรากฎตัวอย่างปริศนา ประกาศกร้าว ว่า กลุ่มกบฎของเขา จะตอบโต้กลับ 

ซีเอ็นเอ็นสอบถามเรื่องนี้ไปยังรัฐบาลพม่า ซึ่งโฆษกได้ส่งแถลงการณ์ที่สรุปความได้ว่า “ไม่มีใครที่มีสิทธิชอบธรรม ที่จะจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับรัฐบาลที่ถูกกฎหมายและสันติ รวมถึงพลเรือนของพม่า ทำไมต้องมาจับอาวุธต่อต้าน ในเมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน พยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่แล้ว” 
นับแต่นางออง ซาน ซูจี วีรสตรีแห่งพม่า ชนะการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์เมื่อ 2 ปีก่อน เธอได้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษ และคณะกรรมการนานาชาติว่าด้วยชาวโรฮิงญา นำโดยอดีตเลขาธิการสหประชาชาติ นายโคฟี อันนัน แต่แกนนำกลุ่มกบฎกล่าวหาว่านางซูจี ไม่ยอมแม้แต่จะแสดงความสงสารชาวโรฮิงญาเลย นายอุลเลาะห์บอกว่า ความรักและเคารพที่เคยมีให้นางซูจีทั้งหมด ได้สูญสลายไปหมดแล้ว 
รัฐบาลพม่าไม่ยอมให้สื่อมวลชนเข้าไปในรัฐยะไข่  ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า กลุ่มขับเคลื่อนแห่งศรัทธานี้  เป็นกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮิงญากลุ่มแรกในรอบหลายทศวรรษ เหตุรุนแรงระลอกใหม่ ทำให้ชาวโรฮิงญาหลายพันคนหนีตาย พยายามข้ามแม่น้ำไปยังบังกลาเทศ ชาวโรฮิงญากล่าวหาทหารพม่ากวาดล้างพวกเขา แต่รัฐบาลปฏิเสธ  
ชาวโรฮิงญาหลายคนยอมรับว่า พวกเขาสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธนี้ เพราะการกดขี่ของทหารเมียนมาที่เผาบ้าน จนต้องพเนจร จากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง เพื่อเอาตัวรอด อย่างน้อยกลุ่มกบฎพยายามเรียกร้องสิทธิให้”ชาวโรฮิงญา”ในรัฐยะไข่ 
อย่างไรก็ตามชาวโรฮิงญาบางส่วนอีกหลายคน ยังไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์กองทัพมากนัก เพราะเหตุรุนแรงครั้งล่าสุดนี้ ทำให้ชีวิตของพวกเขาเลวร้ายหนักลงไปอีก จากเดิมถูกแบ่งแยก แต่ตอนนี้ แทบไม่เหลืออะไรแล้ว

ที่มา:http://www.springnews.co.th/th/2017/02/22341/